บาร์เนต นิวแมน (อังกฤษ: Barnett Newman) เกิดวันที่ 29 มกราคม ที่ฝั่งตะวันออกของแมนฮัตตัน เป็นศิลปินชาวอเมริกัน ในกระแส แอ็บสแตรกต์ เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ทำงานทั้งทางด้านประติมากรรมและจิตรกรรม นิวแมนศึกษาที่โรงเรียนศิลปะ และเริ่มทำงานในปี 1930 ในรูปแบบศิลปะอเมริกัน เอกซ์เพรสชั่นนิสม์ เขาหยุดทำงานศิลปะไปในปี 1939-1940 และกลับมาวาดภาพใหม่ในปี 1944-1945 นิวแมนเริ่มทำงานใหม่อีกครั้ง โดยใช้เทคนิคสีชอล์ค เป็นการทำงานเกี่ยวกับพืช การเจริญเติบโตของเมล็ดพันธุ์ และภาพของการปฏิสนธิของพืช ในปี 1970 นิวแมนเสียชีวิตในนิวยอร์ก ผลงานของเขามีจำนวนมาก ทั้งงานจิตรกรรมและงานประติมากรรม
นิวแมนเกิดในปี 1905 เป็นลูกของ Anna Steinberg และ Abraham Newman เพื่อนและครอบครัวของนิวแมน พากันเรียกเขาว่า "บาร์นีย์" นิวแมนเติบโตขึ้นมาในเมืองแมนฮัตตัน (อังกฤษ: Manhattan)และบรองซ์ (อังกฤษ: Bronx) เขามีพี่น้องทั้งหมดสามคน นิวแมนเริ่มวาดภาพในขณะที่กำลังศึกษาที่โรงเรียนมัธยม Art Students League หลังจากนั้น นิวแมนจบการศึกษา สาขาปรัชญาจาก City College of New York และช่วงเวลาที่เขาศึกษาอยู่ที่นั่นทำให้เขาได้พบกับ Adolph Gottlieb ผู้ซึ่งแนะนำให้เขาได้รู้จักกับศิลปินสำคัญของนิวยอร์ก ในปี 1936 เขาได้แต่งงานกับ Annalee Greenhouse เธอมีอาชีพเป็นครู
หลังจากสำเร็จการศึกษาวิทยาลัย นิวแมนดูแลธุรกิจการผลิตเสื้อผ้าของพ่อของเขา และล้มเหลวในไม่กี่ปีต่อมา เนื่องจากหุ้นตก ในช่วงไม่กี่ปีถัดจากนั้น นิวแมนได้ทำสิ่งต่างจากเดิม เขากลายเป็นครูสอนศิลปะ แม้ว่าจะมีความล้มเหลว ในการสอบคัดสรรคุณสมบัติเพื่อเป็นอาจารย์สอนศิลปะหลายครั้ง ในปี 1933 นิวแมนเข้าทำงานในสำนักนายกเทศมนตรี ในช่วงต้นศตวรรษ 1940 เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการวาดภาพ เขาศึกษาประวัติศาสตร์ ธรรมชาติวิทยาและศิลปะ Pre-Columbian ความสนใจในธรรมชาติวิทยาของเขา ในภายหลังได้สร้างชื่อเสียงโด่งดังให้กับเขาในงาน "Aesthetics is for the artist as ornithology is for the birds." นิวแมนได้เขียนบทความลงบนแคตตาล็อกพิพิธภัณฑ์ วิจารณ์งานศิลปะและการจัดนิทรรศการ และช่วงเวลานี้ ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกัน ที่เขาเริ่มเป็นเพื่อนกับ Betty Parsons ซึ่งเป็นเจ้าของแกลลอรี่รวมถึง Mark Rothko, Clyfford และ แจ๊คสัน พอลล็อค (อังกฤษ: Jackson Pollok) ทั้งหมดเพื่อนสนิทของนิวแมน
ในปี 1944 นิวแมนได้กลับไปปฏิบัติงานศิลปะ จากแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งจากศิลปะเซอร์เรียลลิสม์ ปี 1948 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพของนิวแมน เขาเริ่มพัฒนาผลงานชุด "ซิป" ขึ้นมา การวาดแถบสีแนวตั้ง วิ่งตามแนวยาวของผืนผ้าใบ นำไปสู่ภาพวาดที่ชื่อว่า "Onement 1",(1948) เป็นผลงานชิ้นแรกของนิวแมนในชุดผลงานที่ให้ชื่อว่า "ซิป" (อังกฤษ: zip) "ซิป" กลายเป็นเครื่องหมายประจำตัวในงานของเขา ซิป คือการแสดงโครงสร้างเชิงพื้นที่ในภาพวาดของเขา เป็นผลงานที่เขาต้องการลดความขัดแย้งแบบเดิม ๆ ภาพวาดของเขาสร้างประสบการณ์ใหม่ สีห่อหุ้มทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ชม นักวิจารณ์ศิลปะบางคนกล่าวถึงงานของนิวแมนว่า ภาพของเขาเต็มไปด้วยประกายของสิ่งมีชีวิต
ในปี 1966 พิพิธภัณฑ์ Guggenheim ให้นิวแมนจัดแสดงนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของเขาแสดงเขา ในการจัดแสดงงานครั้งนี้ยังคงนี้ได้รับการวิจารณ์ในแง่ลบจำนวน แต่ก็ได้เปิดโลกการรับรู้ของผู้ชมงานศิลปะได้อย่างกว้างขวาง
"Onement 1" คือผลงานชิ้นแรกในชุด zip ที่นิวแมนนำออกมาจัดแสดงครั้งแรก ที่เบ็ตตี้พาร์สันส์แกลลอรี่ (Betty Parsons Gallery) ในปี 1950 กระแสตอบรับส่วนใหญ่เป็นไปในแง่ลบเพราะภาพวาดของเขาไม่เพียงแต่สวยงามอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันกระตุ้นคนดูให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรง และควบคุมตัวเองไม่ได้ จากแนวคิดของนิวแมนที่ต้องการสื่อให้เห็นโครงสร้างเชิงพื้นที่ในภาพวาดของเขา และการนำแนวคิดเรื่องทฤษฎีพัฒนาการของมนุษย์มาใช้ด้วย เส้นตรงแนวดิ่ง เปรียบเสมือนพัฒนาการแนวดิ่งของมนุษย์ และการใช้เส้นตรงแนวดิ่งขนาดเล็ก บนผืนผ้าใบขนาดใหญ่ที่มีการระบายสีพื้นหลังอย่างเต็มพื้นที่ ในปีต่อมา พาร์สันส์จัดแสดงงานให้เขาอีกหลายครั้ง กระแสตอบรับน้อยลงกว่าครั้งแรก และสิ่งนั้นทำให้นิวแมนถอนตัวออกจากแกลเลอรี่ หลังจากนั้นนิวแมนได้เขียนบทความปรัชญาเกี่ยวกับศิลปะมากกว่าการทำงานศิลปะ
การทำงานของเขาเริ่มมีชื่อเสียงในช่วงปลายทศวรรษที่ 1940 และ 1950 นิวแมนมักวาดภาพขนาดใหญ่ มีความเด่นชัดและง่าย แต่มีความเป็นนามธรรม เขาสร้างสรรค์ผลงานหลายชิ้น ลักษณะเด่นในการสร้างงานของเขา คือเขามักจะใช้สีน้ำมันและสีอะคริลิคระบายสีพื้นหลังภาพแบบเต็มพื้นที่ และวาดเส้นตรงแนวดิ่งลงไปหนึ่งเส้น หรือมากกว่านั้น ส่วนใหญ่เส้นตรงแนวดิ่งอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางของภาพ แต่บางครั้งก็ไม่ เป็นการแสดงองค์ประกอบเชิงเส้น เขาให้ชื่อผลงานชุดนี้ว่า "ซิป" (อังกฤษ: zip) การทำงานของเขาชุดนี้ได้รับการตีความอย่างหลากหลาย สำหรับบางคนนิวแมนเป็นศิลปินที่สร้างงานแบบนามธรรม โดยใช้เส้นตรงในแนวดิ่ง ช่วยขับเน้นให้เห็นรูปร่างและโครงสร้างของผืนผ้าใบรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า การใช้สีของเขามีทั้งความบริสุทธิ์และความอิ่มตัว